September 23, 2023

Endutainment Blog

เรื่องสนุกรอบรู้ทั่วโลก

รถยนต์ไฟฟ้ามีมานาน 140 ปี ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืมฟื้นอีกครั้ง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ที่เพิ่งถูกคิดค้นมาได้ไม่นาน เพราะมันเป็นแผนที่คนทั่วโลกกำลังรับมือกันเป็นวงกว้าง แล้วก็ได้ยินมาแว่ว ๆ ว่ากำลังจะนำมาแทนที่รถยนต์ใช้พลังงานเชื้อเพลิงในอนาคต นั่นเลยทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดแบบหนัก ๆ แต่ทว่าที่จริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้ามีมานานกว่า 140 ปี แถมยังถูกคิดค้นมาในเวลาที่ใกล้เคียงกับรถยนต์คันแรกของโลกด้วยนะ

ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้ไปต่อ


สำหรับจุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก ถูกคิดค้นขึ้นในปี ค.ศ.1828 โดยนักประดิษฐ์ชาวฮังการีชื่อว่า Ányos Jedlik ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาแห่งไดนาโมและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเขานี่แหละที่เป็นคนแรกที่คิดระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขึ้นมา และสร้างโมเดลรถยนต์ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบมอเตอร์ไฟฟ้าของเขา แต่เขาก็หยุดการทดสอบเอาไว้เท่านี้ ไม่ได้มีการคิดค้นแบบจริงจังต่อ

ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้ไปต่อ
ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้ไปต่อ

และต่อมาในปี ค.ศ.1834 Sibrandus Stratingh ผู้ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเนเธอแลนด์และเป็นผู้ช่วย ก็ได้ทำการทดลองสร้างรถที่ใช้งานโดยแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถชาร์จไฟได้ แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในสมัยนั้น เลยทำให้โครงการนี้ต้องพับเก็บไว้ถาวร เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่เขาปั้นขึ้นมาไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง ด้วยศักยภาพของแบตเตอรี่ที่ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนอย่างที่รถยนต์ทั่ว ๆ ไป ควรจะเป็นนั่นเอง

การเริ่มต้นแบบจริงจังของเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้า


หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1859 ก็ได้มีการคิดค้นแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดขึ้นมา ที่เป็นแบตเตอรี่ตัวแรกที่สามารถนำกลับไปชาร์ตได้ใหม่ ด้วยการใช้กระแสย้อนกลับเข้าไปในตัว จากนั้นก็ได้มีการพัฒนาและเข้าสู่การผลิตแบบจริงจังในระดับอุตสาหกรรมในช่วงปี 1880

เช่นเดียวกับ Gustave Trouvé วิศวกรชาวฝรั่งเศส ที่ได้สร้างรถยนต์ไฟฟ้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กและแบตเตอรี่แบบใช้ซ้ำได้ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ เพราะมีการสร้างทับขึ้นมาจากรถยนต์ไอน้ำ

การเริ่มต้นแบบจริงจังของเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้า
การเริ่มต้นแบบจริงจังของเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้า

แล้วการเริ่มต้นเส้นทางของรถยนต์ไฟฟ้าก็เกิดขึ้นในปี 1884 Thomas Parker วิศวกรไฟฟ้าชาวอังกฤษก็ได้สร้างรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในอังกฤษขึ้น เป็นรถ 4 ล้อ ที่ใช้การชาร์จผ่านแบตเตอรี่ที่เขาออกแบบขึ้นมาเอง และนำไปวิ่งทดสอบในลิเวอร์พูลและเบอร์มิงแฮม จนต่อมาสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาก็ถูกหยิบนำไปใช้ในระบบขนส่งมวลชลของที่นั่น ส่วนยุคทองของรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในช่วงปี 1890 – 1900 ที่ได้มีการจัดตั้งโรงงานผลตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในอังกฤษ และเกิดการพัฒนาที่ส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ทั่วโลก ในเวลานั้นยังมีรถแท็กซี่ไฟฟ้าขึ้นนมาในสหรัฐอเมริกาด้วย

รถยนต์ไฟฟ้ามีอันต้องสะดุด เพราะมีสิ่งที่ประหยัดและสะดวกสบายกว่า


ดูเหมือนว่าเส้นทางของรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่สวยหรูแบบอย่างที่คิด เพราะในเวลาเดียวกันทั่วโลกกลับค้นพบแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ และโลกก็กำลังเริ่มต้นรถเครื่องยนต์สันดาปที่มีการพัฒนาให้วิ่งได้ไกล เร็ว และประหยัดขึ้น ทั้งยังตอบสนองการทำงานได้มากกว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำความเร็วได้สูงสุดแค่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งได้ไกลเพียง 50 – 60 กิโลเมตรเท่านั้น นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าถูกลดบทบาทลงอย่างรวดเร็ว

รถยนต์ไฟฟ้ามีอันต้องสะดุด เพราะมีสิ่งที่ประหยัดและสะดวกสบายกว่า
รถยนต์ไฟฟ้ามีอันต้องสะดุด เพราะมีสิ่งที่ประหยัดและสะดวกสบายกว่า

และแม้ว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเป็นช่วงที่ทั่วโลกประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้หวนกลับมาในวงการรถยนต์อีกครั้ง แต่ก็เป็นการกลับมาเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นั่นเป็นเพราะข้อจำกัดเดิม ๆ คือวิ่งได้ระยะทางน้อยและราคาสูง ส่งผลให้ผู้ผลิตเริ่มหันเหทิศทางกลับไปพึ่งพายานหานะเชื้อเพลิงแบบเดิม

แต่แล้วรถยนต์ไฟฟ้าก็กลับมาในเวลาที่เหมาะสม


ในช่วงศตวรรษที่ 21 กระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมกำลังบูมเป็นวงกว้าง ประจวบเหมาะกับที่เริ่มมีการนำเทคโนโลยีพลังงานแบตเตอรี่หรือมอตเอร์ไฟฟ้ามาพัฒนา และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ขของการกลับมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมของรถยนต์ไฟฟ้า

เรียกได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมที่ถูกปัดฝุ่นกลับมาใช้ใหม่อย่างแท้จริง หลายแบรนด์รถชื่อดังเริ่มมีการผลิตกันแบบจริงจัง และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราคงจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งสวนทางกันบนนถนนแทนที่รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรหากในอนาคตได้ขับรถไฟฟ้ากันจริง ๆ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็น่าจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อการขับขี่